เรื่องเล่าอยุธยา
- Jing Chongwiwat
- 11 มิ.ย.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 11 มิ.ย.
มา เปลี่ยนแนวกันบ้างนะให้ไปหลายข้อมูลครั้งนี้ฟังเรื่องเล่าอยุธยา ที่มีอีกด้านกันบ้าง ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเล่าหลอนๆชวนขนหัวลุกกันเลยทีเดียว ไม่เสียเวลาแล้ว เข้าเรื่องกันเลย
(เจตนาเพื่อความบันเทิง อ่านสนุกๆ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และ เป็นการรู้จักเคารพสถานที่ และรักษาสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้มอบไว้สืบไป)
👻 กด..เลือกเรื่องเล่าอยุธยา

👻
📍คำสาปจากกรุวัดราชบูรณะ
เป็นตำนานที่โด่งดังและน่าขนลุกที่สุดเรื่องหนึ่งของอยุธยาเลยทีเดียว เป็นเรื่องที่สะท้อนความเชื่อของผู้คนในอดีตได้อย่างชัดเจน ผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังนะครับ
เรื่องเล่าสมบัติอาถรรพ์และคำสาปจากกรุวัดราชบูรณะ
เรื่องเล่าอยุธยา ที่มาของตำนาน
วัดราชบูรณะเป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ในปี พ.ศ. 1967 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์ คือ เจ้าอ้ายพระยา และ เจ้ายี่พระยา ซึ่งทรงชนช้างกันจนสิ้นพระชนม์ทั้งคู่ ณ บริเวณสะพานป่าถ่าน เพื่อแย่งชิงราชสมบัติ หลังจากนั้น เจ้าสามพระยาจึงทรงขึ้นครองราชย์และโปรดให้สร้างวัดราชบูรณะขึ้น ณ บริเวณที่เกิดเหตุการณ์สำคัญนั้น และได้บรรจุพระบรมธาตุและสมบัติอันล้ำค่าจำนวนมหาศาลไว้ในกรุพระปรางค์ประธานของวัด
จุดเริ่มต้นของอาถรรพ์ (ปี พ.ศ. 2499):
ตำนานความอาถรรพ์และคำสาปเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี พ.ศ. 2499 เมื่อมีกลุ่มคนร้ายลักลอบเข้าไปขุดเจาะกรุพระปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ ด้วยความที่วัดยังไม่ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มคนร้ายสามารถเข้าถึงกรุสมบัติได้อย่างง่ายดาย พวกเขาขนสมบัติออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทองราชกกุธภัณฑ์ เครื่องประดับทองคำ พระพุทธรูปทองคำ และวัตถุโบราณล้ำค่าอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน สมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นของสูงค่าและบรรจุไว้ด้วยความตั้งใจที่จะรักษาไว้ชั่วกาลนาน
คำสาปที่ตามมา:
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตำนานลี้ลับคือ จุดจบอันน่าสยดสยองของกลุ่มคนร้ายเหล่านั้น หลังจากที่พวกเขาได้สมบัติไปแล้ว ไม่นานนักก็มีข่าวคราวถึงโศกนาฏกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น:
การเสียชีวิตอย่างปริศนา: บางคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ไม่ชัดเจน หรือจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
การทะเลาะวิวาทจนเสียชีวิต: มีบางรายที่ทรัพย์สินที่ได้มากลับกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ในกลุ่ม โต้เถียงกันเรื่องส่วนแบ่ง หรือการหักหลังกัน จนนำไปสู่การฆ่าฟันกันเอง
การวิกลจริต: บางคนก็มีอาการทางจิต ประสาทหลอน หรือเสียสติไป
ประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นานา: บางคนก็พบกับความยากลำบากในชีวิต เจ็บป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้ หรือธุรกิจล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นวงกว้างในกลุ่มคนร้ายที่เข้าไปลักขโมยสมบัติ ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นและคนรุ่นหลังต่างเชื่อกันว่า สมบัติในกรุวัดราชบูรณะมีคำสาปคุ้มครองอยู่ ซึ่งเป็นคำสาปที่เกิดจากความตั้งใจที่จะปกป้องสมบัติของแผ่นดิน และเป็นการลงโทษผู้ที่มาล่วงละเมิดทรัพย์สินอันศักดิ์สิทธิ์
ความเชื่อเกี่ยวกับคำสาป:
ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่: วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสมบัติที่บรรจุไว้ในกรุก็ถือเป็นของสูงค่าที่เกี่ยวข้องกับพระบรมธาตุและพระมหากษัตริย์
โศกนาฏกรรมในอดีต: การที่วัดสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม อาจทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับพลังงานบางอย่างที่ไม่เป็นมงคลสำหรับผู้บุกรุก
การปกป้องสมบัติของแผ่นดิน: ในอดีต มีความเชื่อว่าการขุดกรุสมบัติหรือนำของสูงค่าออกไปโดยมิได้รับอนุญาตนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม และอาจนำมาซึ่งผลกรรมที่เลวร้าย
บทสรุป:
เรื่องเล่าสมบัติอาถรรพ์และคำสาปจากกรุวัดราชบูรณะเป็นตำนานที่ยังคงถูกเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือความบังเอิญที่เกิดขึ้นกับคนร้ายที่เข้าไปลักขโมยสมบัติ แต่เรื่องราวนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อของผู้คนในอดีตที่มีต่อสมบัติของแผ่นดิน และความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนสถาน ที่ควรได้รับการเคารพและปกป้องอย่างเคร่งครัด
👻
📍วัดกระซ้าย
หรือที่บางคนเรียกว่า "วัดกระชาย" เรื่องเล่าอยุธยา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวัดร้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยนและความลี้ลับมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีเรื่องเล่าและตำนานมากมายที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก และบางส่วนก็ถูกบันทึกเป็นเรื่องราวในรายการเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับต่างๆ
เรื่องเล่าหลักๆ ของวัดกระซ้ายที่มักถูกกล่าวถึง
อาถรรพ์การผูกคอตาย:
เป็นเรื่องที่โด่งดังที่สุดของวัดนี้ ว่ากันว่ามีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาชีวิตหรือมาสาบานอะไรบางอย่าง แล้วไม่เป็นไปตามที่หวัง ได้มาปลิดชีพตัวเองด้วยการผูกคอตายที่วัดแห่งนี้หลายรายติดต่อกันจนนับสิบศพ ทำให้เชื่อกันว่ามีอาถรรพ์ที่ดึงดูดให้คนมาจบชีวิตที่นี่ หรืออาจจะมีวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ววนเวียนอยู่และชักนำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
ผีเฮี้ยนและอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน:
จากการที่มีผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันหลายราย ทำให้เกิดความเชื่อเรื่อง "อาถรรพ์ตัวตายตัวแทน" คือเมื่อมีคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณอาจจะยังไม่ไปสู่สุขคติ และจะหาผู้มาแทนที่ ซึ่งทำให้มีคนมาจบชีวิตที่นี่ซ้ำๆ
สมบัติที่ถูกฝังไว้:
ตามประวัติเชื่อกันว่าวัดกระซ้ายถูกสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ โดยมีชาวมอญที่ติดตามมาสร้างวัดนี้ และมีความเชื่อว่ามีสมบัติเก่าแก่มากมายถูกฝังอยู่ใต้ดินภายในบริเวณวัด และมี "ผู้เฝ้าสมบัติ" ที่คอยปกปักษ์รักษาอยู่ ทำให้ผู้ที่คิดจะมาขุดหาสมบัติมักจะเจออาถรรพ์หรือสิ่งลี้ลับบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถขุดหาได้สำเร็จ หรือบางรายถึงขั้นได้รับอันตราย
บรรยากาศวังเวงและสัมผัสอาถรรพ์:
ผู้ที่เคยเดินทางไปวัดกระซ้ายมักจะเล่าถึงบรรยากาศที่เงียบสงัด วังเวง และบางครั้งก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติ เช่น ขนลุก, ได้ยินเสียงแปลกๆ, หรือรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมอง ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่
กรุพระเจ้าสิบชาติ:
วัดกระซ้ายยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของ "กรุพระเจ้าสิบชาติ" ซึ่งเป็นพระเครื่องโบราณที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวลี้ลับของวัดนี้เช่นกัน
อาถรรพ์เจ้าแม่ตะเคียนทอง:
ว่ากันว่าในสมัยที่ยังเป็นวัดกระซ้าย มีการขุดพบไม้ตะเคียนขนาดใหญ่มาก และได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด ชาวบ้านจึงได้สร้างศาลให้เป็นที่ประดิษฐาน เรียกว่า "ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง" ความเฮี้ยนของท่านเล่ากันว่า...
ทวงของคืน:
ใครที่มาขอพรแล้วไม่แก้บน หรือนำของมีค่าที่ท่านหวงแหนไป มักจะเจอดี มีอันเป็นไป หรือเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ จนกว่าจะนำของมาคืนหรือมาแก้บน
ปรากฏกายให้เห็น:
มีผู้ที่เล่าว่าเคยเห็นเงาของผู้หญิง หรือบางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน บริเวณศาลเจ้าแม่ตะเคียน
การบนบานที่สัมฤทธิ์ผล:
ในทางกลับกัน ก็มีผู้ที่มาบนบานขอพรเจ้าแม่ตะเคียนทองแล้วประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง ทำให้ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านจำนวนมาก
ความขลังของสระน้ำโบราณ:
วัดกระซ้ายมีสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีอาถรรพ์เช่นกัน บางตำนานเล่าว่ามีจระเข้เจ้าที่อาศัยอยู่ และเคยมีคนจมน้ำเสียชีวิตในสระนี้อย่างปริศนา
บรรยากาศอันเก่าแก่และเงียบสงบ:
ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม ทำให้บรรยากาศภายในวัดค่อนข้างสงบและวังเวงในบางส่วน ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างเรื่องเล่าความเฮี้ยนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม
เรื่องเล่าเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่เล่าสืบต่อกันมา และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของวัดมหาพฤฒารามฯ ครับ ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท และมีความร่มรื่นสวยงาม ผู้คนก็ยังคงเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมสถาปัตยกรรมที่งดงามของวัดอยู่เสมอถ้ามีโอกาส ลองแวะไปเยี่ยมชมวัดมหาพฤฒารามฯ นะครับ จะได้สัมผัสบรรยากาศจริงและรับรู้ถึงความขลังของสถานที่ด้วยตัวเองครับ
👻
📍แดนประหารตะแลงแกง
เรื่องเล่าอยุธยา"ตะแลงแกง" ในสมัยอยุธยา ไม่ใช่แค่ชื่อสถานที่ แต่เป็นคำที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนานที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิต สังคม และบทลงโทษในอดีต "ตะแลงแกง" หมายถึงสี่แยก ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนสายหลักในเกาะเมืองศรีอยุธยา คือ ถนนหน้าวัง กับ ถนนหลังวัง ถือเป็นย่านใจกลางพระนครที่มีผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น มีตลาดขายของชำและของสด
สถานที่ประหารชีวิตและประจาน: เนื่องจากเป็นจุดศูนย์กลางและมีผู้คนพลุกพล่าน ตะแลงแกงจึงถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตและเสียบหัวประจานนักโทษที่กระทำความผิดร้ายแรง ตำนานและเหตุการณ์สำคัญที่ "ตะแลงแกง"
การประหารชีวิตในคดีกบฏ: ในสมัยอยุธยา เช่น เหตุการณ์ที่สมเด็จพระเจ้าอาทิตยวงศ์และผู้ก่อการถูกจับตัดหัวเสียบประจาน
เรื่องราวจากเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน: "ตะแลงแกง" โดยเป็นฉากที่กรมเมืองคุมนางวันทองไปประหารชีวิตที่ตะแลงแกง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอดูการประหาร
เรื่องเล่าลี้ลับที่ตะแลงแกง
เสียงหวีดหวิวและเสียงโซ่ตรวน
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงตะแลงแกงในสมัยก่อน มักได้ยินเสียงคล้ายคนหวีดร้องด้วยความทรมาน หรือเสียงโซ่ตรวนลากไปกับพื้นดิน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่เงียบสงัด เชื่อกันว่าเป็นเสียงของวิญญาณนักโทษที่ถูกประหารชีวิตและยังคงวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
เงาดำปริศนา: มีผู้เล่าว่าเคยเห็นเงาดำคล้ายคนเดินผ่านไปมาในบริเวณตะแลงแกงยามค่ำคืน บางครั้งก็ปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว บ้างก็ว่าเห็นเป็นเงาของเพชฌฆาตในชุดโบราณที่กำลังทำพิธีประหาร
ความรู้สึกวังเวงและขนลุก
แม้ในเวลากลางวัน หลายคนที่ผ่านไปในบริเวณสี่แยกตะแลงแกงก็ยังรู้สึกได้ถึงความวังเวง เย็นยะเยือก หรือมีอาการขนลุกโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อกันว่าเป็นเพราะพลังงานบางอย่างที่ยังคงคุกรุ่นอยู่จากเหตุการณ์ในอดีต
การปรากฏตัวของวิญญาณนักโทษ
เรื่องเล่าที่น่าขนลุกที่สุดคือการปรากฏตัวของวิญญาณนักโทษในรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น บางคนอ้างว่าเคยเห็นร่างที่ไร้ศีรษะเดินวนเวียน หรือวิญญาณที่ถูกเสียบประจานปรากฏให้เห็นในช่วงเวลาสำคัญ เช่น วันครบรอบการประหาร อาถรรพ์จากวิญญาณผู้เคียดแค้น เชื่อกันว่าวิญญาณของนักโทษที่ถูกประหารชีวิต ณ ตะแลงแกง โดยเฉพาะผู้ที่ถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม หรือผู้ที่ถูกทรมานอย่างแสนสาหัส มักจะมีความเคียดแค้นและไม่ยอมไปผุดไปเกิด ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีอาถรรพ์บางอย่างที่แผ่กระจายออกมา
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตำนานและความเชื่อที่เล่าขานกันมา
ความสำคัญของ "ตะแลงแกง" ในปัจจุบัน:
แม้ว่าปัจจุบันตะแลงแกงจะไม่ได้ใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นย่านสำคัญในเกาะเมืองอยุธยา และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์และจินตนาการถึงเหตุการณ์ในอดีตได้
โดยสรุปแล้ว "ตะแลงแกง" คือสี่แยกสำคัญในอดีตของกรุงศรีอยุธยา ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแดนประหารและสถานที่ประจานผู้กระทำความผิดร้ายแรง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทยมาอย่างยาวนาน

รื่องเล่าต่อไป
✡️ ตำนานรักและแรงอาฆาตที่วังจันเกษม
✡️ วัดวรเชษฐ์
Comments